
สร้างพอร์ตเกษียณแบบมืออาชีพ เริ่มตั้งแต่อายุยังน้อยได้เปรียบกว่าออย่างไร
หลายคนอาจมองว่าการวางแผนเกษียณเป็นเรื่องของคนวัยทำงานตอนปลาย แต่ในโลกของการเงินแล้ว ยิ่งคุณเริ่มวางแผนเร็วเท่าไหร่ โอกาสที่จะมีชีวิตหลังเกษียณที่มั่นคงและสบายก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น บทความนี้จะชวนคุณมาทำความเข้าใจว่าทำไมการสร้างพอร์ตเกษียณจึงเป็นเรื่องที่คุณควรเริ่มตั้งแต่อายุยังน้อย และมีหลักการง่าย ๆ อะไรบ้างที่จะช่วยให้คุณไปถึงเป้าหมายได้
ทำไมต้องเริ่มตั้งแต่อายุยังน้อย?
1. พลังของดอกเบี้ยทบต้น (Compound Interest)
นี่คือหัวใจสำคัญของการออมเพื่อการเกษียณตั้งแต่เนิ่น ๆ ดอกเบี้ยทบต้น คือปรากฏการณ์ที่ดอกเบี้ยที่คุณได้รับ จะนำไปสร้างดอกเบี้ยเพิ่มเติมในรอบถัดไป ทำให้เงินของคุณเติบโตแบบทวีคูณเมื่อเวลาผ่านไป ลองจินตนาการว่าคุณเริ่มออมเงิน 10,000 บาทต่อเดือนตั้งแต่อายุ 25 ปี เทียบกับเพื่อนที่เริ่มออมเมื่ออายุ 35 ปี แม้จะออมเท่ากัน แต่เมื่อถึงวัย 60 ปี เงินออมของคุณจะมากกว่าเพื่อนเป็นเท่าตัว เพราะคุณมีเวลาให้เงินทำงานนานกว่าถึง 10 ปี
2. มีเวลาให้ความเสี่ยงทำงาน
เมื่ออายุยังน้อย คุณมีเวลาในการลงทุนที่ยาวนานกว่า ทำให้สามารถรับความเสี่ยงได้มากขึ้น การลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงอย่างหุ้นหรือกองทุนหุ้นในระยะสั้นอาจมีความเสี่ยง แต่ในระยะยาวแล้ว ผลตอบแทนที่ได้มักจะสูงกว่าสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า เมื่อคุณมีเวลามากพอที่จะฟื้นตัวจากความผันผวนของตลาดในระยะสั้น โอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวก็จะมีมากขึ้น
3. ภาระทางการเงินที่เบากว่า
คนวัยหนุ่มสาวมักจะมีภาระทางการเงินน้อยกว่าวัยกลางคน เช่น ยังไม่มีภาระค่าผ่อนบ้าน, ค่าเล่าเรียนบุตร, หรือค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ การเริ่มออมเงินเพื่อการเกษียณตั้งแต่อายุยังน้อยจึงไม่เป็นภาระหนักจนเกินไป คุณสามารถเริ่มต้นด้วยจำนวนเงินที่ไม่มากนักแล้วค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเมื่อรายได้มากขึ้นในอนาคต
หลักการสร้างพอร์ตเกษียณแบบมืออาชีพ
1. ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน
คำถามแรกที่คุณต้องตอบคือ “คุณอยากมีเงินใช้หลังเกษียณเท่าไหร่?” การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณกำหนดจำนวนเงินที่ต้องออมและอัตราผลตอบแทนที่ต้องการได้ ลองคำนวณจากค่าใช้จ่ายในปัจจุบันแล้วเพิ่มอัตราเงินเฟ้อเข้าไป เพื่อให้ได้ตัวเลขที่สมเหตุสมผลสำหรับชีวิตหลังเกษียณ
2. เริ่มออมและลงทุนทันที
อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง การออมเพื่อการเกษียณควรเป็นสิ่งที่คุณจัดสรรไว้ก่อนการใช้จ่ายส่วนอื่น ๆ หรือที่เรียกว่า “Pay Yourself First” กำหนดจำนวนเงินที่ต้องการออมและโอนไปยังบัญชีสำหรับการลงทุนโดยอัตโนมัติในทุก ๆ เดือน เพื่อให้การออมเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ
3. จัดสรรสินทรัพย์ให้เหมาะสมกับช่วงวัย (Asset Allocation)
การจัดสรรสินทรัพย์คือการแบ่งเงินลงทุนออกเป็นหลาย ๆ ส่วน เช่น หุ้น, ตราสารหนี้, กองทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือทองคำ เพื่อกระจายความเสี่ยง โดยหลักการทั่วไปคือ:
- วัยหนุ่มสาว (อายุ 20-30 ปี) เน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงอย่างหุ้น 80-90% เพราะมีเวลากลับตัว
- วัยกลางคน (อายุ 40-50 ปี) ค่อย ๆ ปรับลดสัดส่วนหุ้นลงและเพิ่มสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำลง เช่น ตราสารหนี้ เพื่อรักษามูลค่าเงินทุน
- ใกล้วัยเกษียณ (อายุ 50 ปีขึ้นไป) เน้นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอและมีความเสี่ยงต่ำ เช่น ตราสารหนี้หรือพันธบัตรรัฐบาล เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการถอนเงินมาใช้จ่าย
4. เลือกเครื่องมือการลงทุนที่หลากหลาย
นอกจากการจัดสรรสินทรัพย์แล้ว การเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมก็สำคัญเช่นกัน
- กองทุนรวม เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นเพราะมีผู้จัดการกองทุนมืออาชีพคอยดูแลให้
- กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund) หากบริษัทของคุณมีกองทุนนี้ ควรเข้าเป็นสมาชิกเพราะเป็นแหล่งออมที่ได้ประโยชน์ทั้งจากเงินสมทบของนายจ้างและการหักภาษี
- ประกันชีวิตแบบบำนาญ ช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าจะได้รับเงินใช้หลังเกษียณอย่างสม่ำเสมอ
- อสังหาริมทรัพย์: การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อปล่อยเช่าสามารถสร้างกระแสเงินสดในระยะยาวได้
5. ทบทวนแผนเป็นประจำ
สถานการณ์ทางการเงินและชีวิตของคุณมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การทบทวนพอร์ตการลงทุนเป็นประจำทุกปีจะช่วยให้คุณปรับแผนให้สอดคล้องกับเป้าหมายอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มเงินออม, การปรับสัดส่วนการลงทุน หรือการเปลี่ยนเครื่องมือการลงทุนที่เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน

การมีชีวิตหลังเกษียณที่มั่นคงไม่ใช่เรื่องของโชค แต่เป็นเรื่องของการวางแผนและการลงมือทำอย่างมีวินัย การเริ่มต้นออมและลงทุนตั้งแต่อายุยังน้อยคือความได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เพราะจะทำให้คุณมีพลังของดอกเบี้ยทบต้นและมีเวลาให้เงินทำงานอย่างเต็มที่ ดังนั้น อย่ารอให้ถึงวันพรุ่งนี้ เริ่มต้นวางแผนตั้งแต่วันนี้ เพื่อชีวิตในอนาคตที่คุณเลือกเองได้
หลายคนอาจมองว่าการวางแผนเกษียณเป็นเรื่องของคนวัยทำงานตอ…